เงินสำรองฉุกเฉิน

เงินสำรองฉุกเฉิน

 

     

เงินสำรองฉุกเฉิน (Emergency Cash) เสาเข็มคู่เสาหลัก

 

      ถ้าเราเพิ่งเริ่มวางแผนการเงิน และยังไม่มีการกันเงินสำรองฉุกเฉินเลย แนะนำให้ตั้งเป้าหมายเตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน 6 เดือนของรายจ่ายประมาณการจากงบประมาณในหัวข้อที่แล้ว และเริ่มเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อเตรียมเงินก้อนนี้ทันที

      หลายคนเห็นความจำเป็นของเงินสำรองฉุกเฉินแล้ว ก็จะมีคำถามต่อไปว่าแล้วอย่างเรา “ต้องเตรียมเท่าไร”, หรือค่าใช้จ่ายติดลบทุกเดือน อย่างนี้จะเอาเงินที่ไหนมาเตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน


“ค่าใช้จ่ายติดลบทุกเดือน

จะเอาเงินที่ไหนมาเตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน”


  •  ควรเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินเท่าไร?
  •  ควรเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินอย่างไร?

 

ควรเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินเท่าไร?

การจะเตรียมเท่าไรนั้นสัมพันธ์กับอาชีพ ภาระความรับผิดชอบและผู้ร่วมรับผิดชอบครอบครัว

สถานการณ์

จำนวนเท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน

เงินเดือนประจำคู่สมรส

3 เดือน

เงินเดือนประจำรายได้คนเดียว

6 เดือน

รายได้ค่านายหน้าอย่างเดียว

6 เดือน

อาชีพที่หางานยาก เช่น ตำแหน่งงานที่มีรายได้สูงมาก

12 เดือน

เปลี่ยนงานจากลูกจ้างเป็นเจ้าของกิจการ

12 เดือน

อาชีพอิสระที่มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ

12 เดือน

*เตรียมเงินสำรองฉุกเฉินจำนวนกี่เดือนนี้เป็นประมาณการ

 

ควรเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินอย่างไร?

สรุปวิธีการเตรียมเงินฉุกเฉินได้ดังนี้

1.  เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นบัญชีเงินสำรองฉุกเฉินวัตถุประสงค์เดียว*

2.  ทยอยเก็บสะสมทุกเดือนจนกว่าจะครบ

3.  ตัดค่าใช้จ่ายประเภทไม่ซื้อก็ยังดำรงชีวิตอยู่ได้ปกติ หรือปรับการใช้ชีวิตบางอย่าง ประเภทที่เป็นค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จ่ายบ่อย ๆ เช่น กาแฟ, น้ำอัดลม, ซื้อของตลาดนัดราคาถูกแล้วไม่ได้ใช้, หนังสือซื้อมาอ่านไม่ทัน ฯลฯ  ตัวอย่างเช่น ตื่นเช้าขึ้นอีก 1 ชั่วโมง ออกจากบ้านเร็วขึ้นจาก 7 โมง เป็น 6 โมงเช้า ประหยัดค่าทางด่วนวันละ 60 บาท    60 บาท x 22 วันทำงาน = 1,320 บาท

 

ตัวอย่างการลดค่าใช้จ่ายมาเป็นเงินสำรองฉุกเฉิน

รายการค่าใช้จ่าย

ราคา (บาท)

ความถี่

 

ค่าใช้จ่ายต่อเดือน

ของทดแทน/ตัดรายจ่าย

ราคา(บาท)

เงินเหลือ

กาแฟสด

60

2

ต่อวัน

1,800

ซื้อกาแฟ Gold มาชงเอง

20

1,200

เสื้อผ้าตลาดนัด

200

1

ต่อสัปดาห์

800

เสื้อผ้าเยอะแล้ว (ไม่ซื้อ)

 

800

ค่าทางด่วนไปกลับ

60

2

ต่อวัน

2,640

ใช้ทางด่วนขาไปขากลับหาเส้นทางใหม่ ไกลขึ้น 10 กิโลเมตร

85

770

น้ำอัดลม

14

2

ต่อวัน

840

น้ำอัดลม 1 กระป๋อง

14

420

อาหารมือพิเศษ

500

4

ต่อสัปดาห์

496

ลดเหลือ 2 ครั้งต่อเดือน

 

1,000

รวมค่าใช้จ่าย

6,576

รวมค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้

4,190


ซื้อกาแฟทุกวันแก้วละ 60 บาท x 30 วัน = 1,800 บาท:เดือน x 12 เดือน =21,600 บาท:ปี

อาหารมื้อพิเศษครั้งละ 500 บาท สัปดาห์ละครั้ง x 4 ครั้ง =2,000 บาท:เดือน x 12 เดือน =24,000 บาท:ปี

      ค่ากาแฟ ค่าอาหารมื้อพิเศษ ค่าเสื้อผ้า ค่าของจุกจิ๊กเวลาไปเดินตลาดนัด เช่น เสื้อผ้า ดูตัวอย่างตารางข้างบน เราสามารถลดค่าใช้จ่ายบางรายการได้ เช่น กาแฟแก้วละ 60 บาท เปลี่ยนเป็นซื้อมาชงเอง หรือทานกาแฟบริษัท, หรือหาเส้นทางเดินทางใหม่ที่ลดการจ่ายค่าทางด่วนหรือย่นระยะทางให้สั้นลง ฯลฯ ได้เงินออมเพิ่มขึ้นเดือนละ 4 พันกว่าบาท

      อย่างไรก็ตาม, ถ้ารู้สึกว่าอึดอัดเกินไป ความสุขหายไป ยังไม่จำเป็นต้องตัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ออก แนะนำให้ตั้งเป็นงบประมาณสำหรับความสุข และใช้ให้หมดเป็นเดือน ๆ ไป ก็ยังมีความสุขได้ในงบประมาณที่กำหนด เรียกว่า “มีความสุขแบบรู้ตัว”

*เราสามารถนำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อกองทุนรวมตลาดเงินที่ได้ผลตอบแทนมากกว่าเปลี่ยนเป็นเงินสดพร้อมใช้ได้ในวันรุ่งขึ้น