วางแผนการเงินส่วนบุคคล
วางแผนการเงินส่วนบุคคล
การใช้ชีวิตในปัจจุบัน ของใช้จำเป็นในการดำรงชีวิตส่วนใหญ่เราต้องใช้เงินซื้อ โดยที่เราจะมีรายได้ช่วงหนึ่งและรายได้จะหยุดลง รายได้อาจจะหยุดเนื่องจากเกษียณ เจ็บป่วย หรือทุพพลภาพ ดังนั้นรายได้ในช่วงทำงานคือค่าใช้จ่ายปัจจุบัน ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายอนาคตไปด้วย
คนส่วนใหญ่มักจะใช้รายได้สำหรับชีวิตปัจจุบัน ลืมวางแผนสำหรับชีวิตในอนาคต เมื่อมีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่มาจึงต้องใช้บริการสินเชื่อ ผ่อนวนไป ทำให้มีเงินไม่พอในแต่ละช่วงของชีวิต
การวางแผนการเงิน เป็นกระบวนการบริหารจัดการเงินอย่างเป็นระบบ วางแผนล่วงหน้าก่อนการใช้ ค่าใช้จ่ายปัจจุบัน ใช้ให้อยู่ในงบประมาณรายจ่ายที่มีการวางแผนและแยกเงินล่วงหน้า วางแผนค่าใช้จ่ายอนาคตทั้งที่คาดการณ์จำนวนได้และคาดการณ์ไม่ได้
องค์ประกอบการวางแผนการเงิน
1. วางแผนปกป้องทรัพย์สิน (Wealth Protection) การวางแผนไม่ให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ต้องเตรียมการก่อนส่วนอื่น เพื่อควบคุมรายจ่ายไม่ให้กระทบกับแผนการเงินส่วนอื่นๆ
2. วางแผนภาษี (Tax Planning) วางแผนเพื่อจ่ายภาษีน้อยที่สุด และถูกต้องตามที่กฏหมายกำหนด
3. วางแผนเตรียมค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ (Retirement Planning) คำนวณจำนวนเงินที่ต้องเตรียมพร้อม ณ วันที่หยุดทำงาน แหล่งที่มาของเงินวันที่เกษียณ และการบริหารรายได้หลังเกษียณ
4. วางแผนการศึกษาบุตร (Education Planning) วางแผนจัดเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาของบุตร เพื่อให้มั่นใจว่ามีทุนการศึกษาให้บุตร ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน
5. วางแผนการลงทุน (Investment Planning) วางแผนการลงทุนตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของของแต่ละบุคคล และให้ได้เงินตามเป้าหมายเกษียณและเป้าหมายอื่นๆ ที่ต้องการ
6. วางแผนมรดก (Estate Planning) รวบรวมทรัพย์สินทั้งหมดทำทะเบียนทรัพย์สิน วางแผนการส่งต่อมรดกให้ตรงกับวัตถุประสงค์และเตรียมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายในวันที่ส่งต่อทรัพย์สินให้ลูกหลาน
กระบวนการทำแผนการเงิน
1. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลการเงิน
2. ร่วมกันค้นหาเป้าหมายการเงิน
3. วิเคราะห์ข้อมูลสถานการเงินปัจจุบัน
3.1. วิเคราะห์อัตราส่วนการเงินดูสถานการณ์เงินทั่วไปในปัจจุบัน
3.2. วิเคราะห์สภาพคล่องและวางแผนบริหารรายรับรายจ่าย
3.3 วิเคราะห์โครงสร้างภาษีปัจจุบันและวางแผนภาษี
3.4 วิเคราะห์ความเสี่ยงภัยรอบด้านและทำแผนบริหารความเสี่ยงภัย
3.5 วิเคราะห์โครงสร้างหนี้และทำแผนปรับบริหารโครงสร้างหนี้ (ถ้ามี)
4. วางแผนแต่ละเป้าหมาย วิเคราะห์แต่ละเป้าหมาย ร่วมกันเลือกวิธีการ ทำแผนปฏิบัติการ
5. ร่วมกันดำเนินการแผนปฏิบัติการ
6. ทบทวนแผนตามที่ตกลงและปรับแผนให้เหมาะสม
ค่าธรรมเนียมการจัดทำแผนการเงิน
1. ค่าธรรมเนียม 0.125% ของทรัพย์สินสุทธิ ขั้นต่ำ 30,000 บาทต่อแผน
2. ชำระค่าธรรมเนียม 5,000 บาท ก่อนเริ่มเก็บข้อมูล ส่วนที่เหลือแบ่งชำระเป็น 5 งวด
3. ติดตามผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อปรับแผนให้เป็นไปตามสถานการณ์
4. ปีต่อไปคิดค่าธรรมเนียมทบทวนแผนปีละ 3,000 บาท
5. หากไม่พอใจบริการคืนเงินค่าธรรมเนียมโดยไม่มีเงื่อนไข
** เพื่อเป็นการสนับสุนนให้คนไทยมีการวางแผนการเงิน ปัจจุบันจึงได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการทำแผนการเงิน **
การได้เข้าสู่กระบวนการวางแผนการเงิน จะช่วยให้ควบคุมบริหารรายจ่ายปัจจุบันได้อย่างเข้าใจ และมีตัวเลขเป้าหมายที่ชัดเจน ช่วยให้มีทิศทางในการออมลงทุนตามระยะเวลาของแต่ละเป้าหมาย สบายใจได้ว่ามีเงินเพียงพอสำหรับแต่ละช่วงของชีวิต
ท่านที่สนใจทำแผนการเงิน แนะนำให้เข้าสัมมนาวางแผนการเงินการลงทุน
เพื่อมีความเข้าใจพื้นฐานที่จะช่วยให้การทำแผนได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิผล
ต้องการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านวางแผนการเงินส่วนบุคคล
กรุณากรอกข้อมูล ทีมงานจะรีบติดต่อกลับ
คำถามที่พบบ่อยจากผู้สนใจวางแผนการเงินส่วนบุคคล
คำถามยอดฮิตจากคนที่สนใจ "วางแผนการเงินด้วยตนเอง"
คำถามที่พบบ่อย: เมื่อเริ่มต้นวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ
1. วางแผนการเงินส่วนบุคคลคืออะไร ?
คือแผนการเงินแบบองค์รวม ครอบคลุมทุกด้าน ได้แก่ การปกป้องทรัพย์สิน, ภาษี, เกษียณ, การศึกษาบุตร, การลงทุน, มรดก และการบริหารหนี้ เพื่อให้ใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ
2. กลไกหรือกระบวนการวางแผนเป็นอย่างไร ?
ขั้นตอนประกอบด้วย:
1. รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลทางการเงิน
2. กำหนดเป้าหมายการเงิน
3. วิเคราะห์สถานะทางการเงิน
4. จัดทำแผนการเงินของแต่ละเป้ากมาย
5. ดำเนินการตามแผน
6. ติดตามและปรับทบทวนทุกปี
3. ทำไมต้องเน้น “ปกป้องทรัพย์สิน” ก่อนอื่น ?
เพื่อรักษาแผนการเงินให้เป็นไปตามแผน ไม่สูญเสียทรัพย์สิน จากเหตุไม่คาดคิด เช่น เหตุฉุกเฉิน เจ็บป่วย โรคร้ายแรง หรือ เสียชีวิต
4. ทำไมต้องวางแผนภาษีด้วย ?
การวางแผนภาษีช่วยลดภาระภาษีที่ต้องจ่าย โดยที่ไม่ผิดกฎหมาย เช่น ใช้สิทธิ์ลดหย่อนจากกองทุน RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ประกันชีวิต และประกันบำนาญ เป็นต้น
รวมทั้งการใช้กลยุทธ์ทางภาษี เช่น การแยกหน่วยภาษี การเลือกรวมหรือแยกยื่น เป็นต้น
5. ทำไมต้องมีแผนการลงทุนเพื่อการเกษียณ ?
เพื่อเตรียมเงินที่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตหลังหยุดทำงาน โดยคำนวณจากค่าใช้จ่ายเป้าหมาย ณ วันเกษียณ หักด้วยทรัพย์สินที่จะได้รับเมื่อเกษียณ และนำจำนวนเงินที่ยังขาดอยู่ มาวางแผนการลงทุนให้ได้ตามเป้าหมาย ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
6. การลงทุนควรเริ่มหลังจากอะไร ?
ควรเริ่มหลังจากกำหนดเป้าหมายการลงทุนและการประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ รวมถึงการตรวจสอบสภาพคล่องว่ามีเงินที่สามารถนำมาลงทุนได้เท่าไหร่ เพื่อกำหนดพอร์ตลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงและเป้าหมาย เช่น เกษียณ หรือส่งลูกเรียน
7. ถ้ามีหนี้ต้องจัดการอย่างไร ? สามารถวางแผนการเงินได้ไหม ?
ต้องทำการวิเคราะห์โครงสร้างหนี้ เช่น หนี้บัตรเครดิต ดอกเบี้ยสูง ต้องปลดหนี้ก่อน แล้วจัดโครงสร้างหนี้ที่เหลือ เพื่อให้ผ่อนชำระได้รวดเร็ว
ผู้ที่เป็นหนี้สามารถวางแผนการเงินได้แน่นอน โดยการวางแผนบริหารหนี้เป็นหนึ่งในการวางแผนการเงินที่ต้องทำอยู่แล้ว
8. วางแผนมรดกมีความสำคัญอย่างไร ?
ช่วยเตรียมทรัพย์สินให้ลูกหลานอย่างราบรื่น ตรงตามความต้องการ ไม่ติดขัด เช่น การเขียนพินัยกรรม การจัดสรรภาษีมรดก
9. ต้องติดตามแผนอย่างไรบ้าง ?
ทีมผู้เชี่ยวชาญจะติดตามผลหลังจัดทำแผน และทบทวนแผนแบบปีต่อปีเพื่อปรับให้เหมาะสมกับผู้รับการวางแผน
10. ถ้าอยากเริ่มวางแผนกับผู้เชี่ยวชาญต้องทำอย่างไร?
กรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม เพื่อให้ทีมงานนัดหมายเข้ารับคำปรึกษาเบื้องต้น จากนั้นทีมจะช่วยสร้างแผนกลยุทธ์ที่เหมาะกับเป้าหมายของคุณ
1. รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลทางการเงิน
2. กำหนดเป้าหมายการเงิน
3. วิเคราะห์สถานะทางการเงิน
4. จัดทำแผนการเงินของแต่ละเป้ากมาย
5. ดำเนินการตามแผน 6. ติดตามและปรับทบทวนทุกปี